นี่คือ Input ที่สำคัญสำหรับ Building Block นี้ ถ้าเราจะควบคุมเวลาในโปรเจกต์เราให้ได้ เราต้องรู้ก่อนว่าตารางเวลาอ้างอิง (Schedule Baseline) ของโปรเจกต์เราคืออะไร นี่คือสิ่งที่เราต้องนำมาตั้งเทียบกับความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นจริงในโปรเจกต์ของเรา
Work Performance Data เป็น Input ที่สำคัญอีกส่วนนึงที่เราจะใช้ในการทำ Building Block นี้ โดยเราจะต้องรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความก้าวหน้าในการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น %ความก้าวหน้ารายกิจกรรม เป็นต้น เพื่อที่จะนำข้อมูลเหล่านี้มาเทียบกับแผนที่วางไว้และวิเคราะห์ว่าความก้าวหน้าของเรายังอยู่ในกรอบของ Schedule Baseline อยู่รึเปล่า?
ในโปรเจกต์เราจะมีตารางเวลางานเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของ Gantt Chart รูปแบบของ Kanban Board หรือจะเป็นเพียงแค่ To-do List ที่มีช่องกำหนดเวลาที่งานแต่ละส่วนจะต้องเสร็จสมบูรณ์ก็ตาม
ส่วนมากแล้วข้อมูล Work Performance Data เราจะสามารถดูได้จากการอัปเดตความก้าวหน้าลงไปใน Project Schedule นี้
ถ้าโปรเจกต์ของเรามีการสร้าง Schedule Management Plan ขึ้นมา ในเอกสารนี้อาจจะมีการกำหนดขั้นตอนและวิธีการทำงานว่าเราจะควบคุมตารางเวลาในโปรเจกต์เราได้อย่างไร
ใน Building Block นี้เราจะนำ Work Performance Data มาวิเคราะห์ออกมาจนกลายเป็น Work Performance Information ให้สามารถสื่อความหมายถึงความก้าวหน้าในโปรเจกต์ได้
จากความก้าวหน้าของงานต่าง ๆ ในโปรเจกต์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เราสามารถใช้เทคนิคการวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ไปในอนาคตได้ โดยเรามักจะพยากรณ์ไปถึงจุดสิ้นสุดของโปรเจกต์ นี่คือการสร้างกรณีสมมติขึ้นว่าจากความก้าวหน้าในระดับที่เป็นอยู่ตอนนี้ ถ้าเรายังคงระดับการทำงานแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เราน่าจะทำทุกกิจกรรมเสร็จสิ้นในโปรเจกต์นี้เมื่อไหร่ แล้วถ้าเทียบกับแผนงานโปรเจกต์แล้วน่าจะยังคงสอดคล้องตามกรอบของ Schedule Baseline ไหม
หากเราพบว่าด้วยระดับความก้าวหน้าของเราที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน มีโอกาสที่จะทำให้วันจบโปรเจกต์ไม่เป็นไปตาม Schedule Baseline เราจะต้องหาแนวทางป้องกันแก้ไขให้เราสามารถจบโปรเจกต์ได้ตาม Schedule Baseline ที่วางไว้
ในกรณีนี้เราจะต้องปรับแผนการทำโปรเจกต์ ซึ่งเราจะต้องสร้าง Change Requests ขึ้นมาเพื่อขอให้ผู้มีอำนาจในโปรเจกต์อนุมัติการขอการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
XXX