Description

เกี่ยวกับ Building Block นี้...
  • สิ่งที่เราทำใน Building Block นี้คือการคอยติดตามดูขอบเขตของโปรเจกต์ (Project Scope) และขอบเขตของสิ่งที่โปรเจกต์ส่งมอบ (Product Scope) ว่ายังสอดคล้องกับ Scope Baseline (ขอบเขตโปรเจกต์อ้างอิง) ที่เรากำหนดไว้รึเปล่า แล้วคอยบริหารจัดการขอบเขตต่าง ๆ เหล่านั้นให้ยังคงสอดคล้องกับ Scope Baseline
  • เราต้องทำ Building Block นี้ไปตลอดช่วงการทำโปรเจกต์ และนี่คือ Building Block ที่เราขาดไม่ได้ในการทำโปรเจกต์ใด ๆ ก็ตาม
  • บางครั้ง ระหว่างที่เราทำโปรเจกต์ไปเรื่อย ๆ เราจะได้รับ Change Requests (คำร้องขอการเปลี่ยนแปลง) ซึ่งเราจะต้องมาประเมินว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนั้นจะกระทบกับขอบเขตของโปรเจกต์เรายังไง และเราจะสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อควบคุมให้ผลกระทบดังกล่าวไม่นำไปสู่ขอบเขตโปรเจกต์เราผิดเพี้ยนไปจาก Scope Baseline
  • ถ้าเราทำ Building Block นี้ได้ดี เราจะสามารถหลีกเลี่ยง "Scope Creep" (การที่ขอบเขตโปรเจกต์เพิ่มขึ้นอย่างไร้การควบคุม) ได้ ซึ่ง Scope Creep เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้โปรเจกต์ล้มเหลว

Inputs

สิ่งที่เราต้องใช้ในการทำ Building Block นี้...

Scope Baseline (ขอบเขตโปรเจกต์อ้างอิง)

นี่คือข้อมูลสำคัญที่จะขาดไม่ได้ในการทำ Building Block นี้ ในการที่เราจะควบคุมขอบเขตโปรเจกต์ได้นั้นคือการที่เราต้องทราบ Scope Baseline ที่ชัดเจน เพื่อที่ว่าถ้าเราเห็นว่าอะไรเริ่มไม่เป็นไปตาม Scope Baseline ของเรา ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อนำพาให้มันกลับมายัง Scope Baseline ที่ควรจะเป็น

Requirement Documentations (เอกสารบันทึกความต้องการ)

Scope Management Plan (แผนการบริหารขอบเขต)

ถ้าในโปรเจกต์ของเรามีการทำ Scope Management Plan ขึ้นมา ในนั้นจะมีการพูดถึงรายละเอียดวิธีการทำงานที่เราต้องใช้ในการทำ Building Block นี้

Requirement Management Plan (แผนการบริหารความต้องการ)

ถ้าในโปรเจกต์ของเรามีการทำ Requirement Management Plan ขึ้นมา ในเอกสารนี้จะมีการระบุถึงว่าเราจะจัดการกับความต้องการที่กำหนดขึ้นมาและมีการเปลี่ยนแปลงในโปรเจกต์เราได้อย่างไร ส่วนนึงของการควบคุมขอบเขตโปรเจกต์คือการดูแลว่าความต้องการต่างๆ ได้รับการถ่ายทอดลงไปสู่กิจกรรมต่างๆ ในโปรเจกต์เรา รวมถึงสิ่งที่โปรเจกต์ส่งมอบด้วยรึเปล่า

Change Management Plan (แผนการบริหารการเปลี่ยนแปลง)

ถ้าในโปรเจกต์เรามีการทำ Change Management Plan ขึ้นมา ในเอกสารนี้จะมีการระบุถึงวิธีการที่เราจะใช้ในการควบคุมการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโปรเจกต์ของเรา การบริหารการเปลี่ยนแปลงก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการควบคุมขอบเขตโปรเจกต์

Outputs

สิ่งที่เราจะได้จาก Building Block นี้...

Change Requests (คำร้องขอการเปลี่ยนแปลง)

ในกรณีที่เราวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ใน Building Block นี้แล้วพบว่าเรากำลังออกนอก Scope Baseline เราก็จะต้องหาแนวทางแก้ไข (Corrective) ให้โปรเจกต์เรากลับเข้าสู่ Scope Baseline ที่ควรจะเป็น หรือหาแนวทางป้องกัน (Preventive) เพื่อไม่ให้โปรเจกต์ของเราหลุดออกนอก Scope Baseline ไปมากกว่านี้

สิ่งที่เราอาจต้องทำคือเราต้องเปลี่ยนบางอย่างในแผน เช่น ปรับตารางเวลางาน เพิ่มทรัพยากรเพื่อให้งานเสร็จเร็วขึ้น ซึ่งเมื่อไหร่ที่เราต้องการจะเปลี่ยนการดำเนินงานไปจากแผนเดิม เราต้องทำ Change Requests ขึ้นมา เพื่อเข้าสู่กระบวนการอนุมัติการเปลี่ยนแปลงนั้นต่อไป

Tools & Techniques

เครื่องมือและเทคนิคที่เราใช้ใน Building Block นี้...

Data Analysis (การวิเคราะห์ข้อมูล)

เพื่อให้เรารู้ว่าเราจะต้องลงมือทำอะไรรึเปล่าเพื่อควบคุมให้โปรเจกต์เรายังอยู่ใน Scope Baseline เราจะต้องทำการวิเคราะห์ Variance Analysis (การวิเคราะห์ความเบี่ยงเบน): ซึ่งการความเบี่ยงเบน (Variance) ในที่นี้จะเกิดขึ้นเมื่อเราเห็นว่าสิ่งที่เราทำในโปรเจกต์ ณ ตอนนี้เริ่มเกินหรือขาดจาก Scope Base ไปแล้ว ซึ่งการวิเคราะห์ Variance นี้จะต้องพยายามตอบให้ได้ว่าการเบี่ยงเบนนั้นมากหรือน้อย เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ต้นเหตุน่าจะมาจากอะไร

FAQ

คำถามที่เจอบ่อย ๆ ...

Q: เราสามารถข้ามกระบวนการนี้ไปได้ไหม?

A: ไม่ได้โดยเด็ดขาด! การที่เราไม่ควบคุมขอบเขตโปรเจกต์ (Project Scope) จะนำไปสู่สถานการณ์ที่เราใช้ทรัพยากรในโปรเจกต์ที่มีอยู่อย่างจำกัดไปกับสิ่งที่อยู่นอกเหนือขอบเขตโปรเจกต์ จนอาจนำไปสู่โปรเจกต์ที่ล้มเหลวได้ กระบวนการนี้เป็นกระบวนการที่สำคัญและจำเป็นต้องทำในทุกโปรเจกต์